วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การอุทิศบุญและกรวดน้ำให้ถึงยังดวงวิญญาณ


การอุทิศบุญก็คือ การเชื่อมบุญที่ได้ทำไปแล้วไปถึงผู้ที่เราต้องการจะส่งบุญให้ ซึ่งไม่ใช่พิธีการทางไสยศาสตร์หรือเรื่องราวที่สลับซับซ้อนใด ๆ เปรียบเสมือนเราจุดไฟต่อเทียนขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วเราก็ส่งไฟต่อเทียนไปให้อีกเล่มหนึ่งฉันใดฉันนั้น ซึ่งวิธีการอุทิศบุญก็คือการตั้งจิตให้สงบแล้วภาวนาอธิษฐานส่งผลบุญที่ได้ทำนี้ไปให้เขา ซึ่งกรณีนี้การแก้ไขกรรมเรื่องทำแท้งนี้ก็คือ ลูกของเราเอง ซึ่งก่อนที่จะทำการอุทิศบุญให้คนเป็นพ่อแม่ที่ได้ทำแท้งลูกต้องทำการ “ตั้งชื่อ”ให้ลูกเสียก่อนบุญนี้จึงจะสามารถส่งไปหาตัวลูกได้
การตั้งชื่อลูกก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากคือตั้งไปตามความปรารถนาของพ่อแม่โดยปกติที่จะต้องตั้งชื่อให้ลูกตนเองอยู่แล้วอาจเป็นชื่อเล่นหรือชื่อจริงก็ได้
เมื่อตั้งชื่อได้แล้วก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานส่งบุญนี้ไปให้แก่ลูก (เอ่ยชื่อ หรือนึกในใจ)ว่า

“ขอให้บุญนี้จงสำเร็จแก่ตัวของลูกขอให้ลูกจงมีความสุข” พร้อมด้วยกล่าวคำกรวดน้ำอุทิศบุญกุศลว่า “ อิทัง สัพพะเวรีนัง โหนตุ สุขิตาโหนตุ สัพเพเวรี ขอให้ส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”

การกรวดน้ำอุทิศบุญให้
เมื่อเราได้ทำบุญส่งไปให้เขาแล้ว ควรจะกรวดน้ำแผ่เมตตาด้วย เพราะจะทำให้การอโหสิกรรมนั้นเร็วขึ้น ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำว่า หลังจากสร้างบุญ ควรมีการกรวดน้ำทำบุญแผ่เมตตาไปให้ทุกครั้ง และควรทำในวันนั้นเลย ซึ่งส่วนมากคนที่ไปทำบุญตามวัดหรือสถานที่ที่เราได้สร้างบุญไว้แล้วต่างๆ มักจะมีที่กรวดน้ำอยู่แล้วก็ควรกรวดน้ำส่งบุญให้ทันที แต่หากท่านที่ลืมหรือติดขัดอะไรก็ขอให้กลับมาทำที่บ้านก็ได้

ทำไมถึงต้องกรวดน้ำ ? หลายท่านบอกว่าไม่ต้องกรวดก็ได้ใช้กรวดแห้งหรือกรวดแบบไม่ใช้น้ำก็ได้ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นก็ถือเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแต่เหมาะสำหรับคนบางคน หรือดวงจิตวิญญาณบางจิตเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ เพราะบางจิตวิญญาณระดับบุญของเขาต่ำเขารับแบบตรงๆ ไม่ได้ต้องมีสื่อ มีน้ำช่วย รวมถึงคนที่ส่งบุญไปให้เขาถ้ามีจิตมีภูมิธรรมที่สูงก็สื่อถึงกันได้เลย
แต่ถ้าจิตไม่สูง ไม่มีความละเอียดพอก็ควรมีการกรวดน้ำทำบุญแผ่เมตตา เมื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลถึงกับผู้ที่ล่วงลับหรือเด็กที่เสียชีวิตไปแล้ว  เขาก็จะได้อานิสงส์ผลบุญ เขาก็อวยพรให้ไม่มาขัดขวาง ไม่มาเอาตัวเราไปอยู่กับเขา หรืออย่างน้อยเขาก็จะคลายความโกรธ ความอาฆาตลง ดังนั้นเรื่องจะกรวดน้ำหรือไม่กรวดน้ำ ก็ขอให้แต่ละบุคคลพิจารณาดูว่า “จิต”ของตนเองนั้นมีความละเอียดมีภูมิธรรมระดับไหนซึ่งคนที่มีภูมิธรรมสูง ๆมีจิตแข็งพอจะสามารถทำได้เพราะจิตได้รับการฝึกฝนมายาวนานสามารถส่งบุญให้เขาได้รับทันที แต่ถ้าไม่เคยฝึกมาเลย ก็ควรใช้การกรวดน้ำช่วยเพื่อให้บุญได้ส่งถึงเขาอย่างไม่ขาดสาย ได้รับกันไปแบบเต็ม ๆไม่ขาดช่วง
หลังจากอุทิศบุญให้แล้วก็ให้ทำการแผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณของลูกและเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายด้วย ซึ่งก่อนที่จะแผ่เมตตาขอให้ตั้งจิตให้สงบเสียก่อน ยิ่งสงบมากจะทำให้จิตมีพลัง นึกถึงบุญที่เคยทำมาทั้งหมดค่อยๆ นึกได้แล้ว ควรนึกถึงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  ขอให้อธิษฐานรวมบุญทั้งหมดที่เคยทำมารวมไว้เป็นกองบุญเดียว แล้วให้ว่าดังนี้

“นะโม ตัสสะ ภควะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวา รัตตะเยนะ
กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

หากข้าพเจ้าจงใจหรือประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินบิดา – มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกายวาจาใจ ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมาข้าพเจ้าขออนุญาตมีคู่มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ

ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัวตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วยอายุวรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรมตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ

ข้าพเจ้าขอถอนคำสัญญา คำสาบาน คำอธิษฐานที่ผูกมัดตัวเองและผู้อื่น ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระจากสัญญาทั้งปวง (หากข้าพเจ้าหมดอายุแล้วขออยู่ต่อเพื่อสร้างบารมี)

หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความอาฆาต ความพยาบาท และคำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชน ของเจ้ากรรมนายเวร ขอให้พ้นนรกภูมิ พบแสงสว่างทั้งทางโลก ทางธรรมเทอญ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น